กสิกรไทย ร่วมมือเวียดตินแบงก์ ดูแลลูกค้าธุรกิจในเวียดนาม


นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์  รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ได้ลงนามในบันทึกความร่วมมือกับธนาคารเวียดติน (Vietnam Joint Stock Commercial Bank for Industry and Trade-Vietinbank) ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่เป็นอันดับ 4 ของเวียดนาม เพื่อให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าเครือธนาคารกสิกรไทยที่จะเข้าไปลงทุนในประเทศเวียดนาม เนื่องจากเล็งเห็นว่าธนาคารเวียดตินมีความแข็งแกร่งในการให้บริการทางการเงิน รวมถึงมีเครือข่ายสาขาในการให้บริการมากกว่า 1,000 สาขาทั่วประเทศ
               สำหรับความร่วมมือระหว่างทั้ง 2 ธนาคาร จะเป็นการต่อยอดการให้บริการทางการเงิน (Banking Services) แก่ลูกค้าเครือธนาคารกสิกรไทยที่เข้าไปทำธุรกิจในประเทศเวียดนาม เช่น การบริหารบัญชี การให้สินเชื่อ การทำธุรกรรมการค้าในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการให้คำแนะนำทางธุรกิจกับลูกค้าธนาคาร (Advisory Services) เช่น การให้ข้อมูลการค้า การแข่งขันในตลาด กฎระเบียบต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น
                อีกทั้งยังจะมีการจัดกิจกรรมทางธุรกิจ เช่น การจัดสัมมนา การจัดการจับคู่ค้าทางธุรกิจ และการแลกเปลี่ยนและฝึกอบรมพนักงานระหว่างกัน เพื่อสร้างประโยชน์สุงสุดให้กับผู้ประกอบการไทยที่มีแผนเข้าไปลงทุนในประเทศเวียดนาม และเพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางบริการทางการเงินให้สามารถรองรับการขยายตัวทางการค้าการลงทุนระหว่างประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในอนาคตให้กับลูกค้าของธนาคารในต่างประเทศ
โดยปัจจุบัน ธนาคารกสิกรไทยมีลูกค้าที่เข้าไปลงทุนในประเทศเวียดนาม ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทขนาดกลางและขนาดใหญ่ เข้าไปลงทุนในภาคการผลิต ในกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี อุตสาหกรรมก่อสร้าง และอุตสาหกรรมการเกษตร เนื่องจากมีต้นทุนการผลิตที่ค่อนข้างต่ำกว่าประเทศไทย และมีแนวโน้มที่การลงทุนการค้าระหว่างประเทศไทยและเวียดนามจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีลูกค้าที่ทำธุรกรรมกับประเทศเวียดนามราว 2,000 ราย คิดเป็นมูลค่าการลงทุนกว่า 9,930 ล้านบาท และคาดว่าในอนาคตภายใต้กรอบความร่วมมือประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะมีผู้ประกอบการของไทยเข้าไปลงทุนในประเทศเวียดนาม รวมถึงปริมาณการค้าระหว่างสองประเทศจะเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน 


การที่ธนาคารกสิกรไทยได้ร่วมมือกับเวียดตินแบงก์ธนาคารของเวียดนาม เนื่องจาก ต้องการที่จะให้นักลงทุนเข้าไปลงทุนในประเทศเวียดนาม และอำนวยความสะดวกในการบริการต่างๆ การทำธุรกรรมต่างๆ โดยเล็งเห็นว่าธนาคารเวียดตินแบงก์มีความแข็งแกร่งในการให้บริการทางการเงิน และคาดว่าในอนาคตผู้ประกอบการของไทยจะเข้าไปลงทุนในเวียดนามเพิ่มขึ้นแน่นอน

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

ลีสซิ่งกสิกรไทยออกสินเชื่อรถช่วยได้ ดอกเบี้ยคงที่ ผ่อนแบบลดต้นลดดอก เป็นเจ้าแรกในไทย



นายชาติชาย พยุหนาวีชัย (ขวาสุด) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย และนายอิสระ วงศ์รุ่ง (ซ้ายสุด) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด ร่วมเปิดตัว สินเชื่อรถช่วยได้กสิกรไทย ซึ่งจะเป็นการพลิกโฉมสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์รายแรกและรายเดียวของไทย ที่คิดอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก และคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้อ้างอิงอัตราดอกเบี้ยวงเงินเบิกเกินบัญชีสำหรับลูกค้าชั้นดี หรือ MOR ตามประกาศของธนาคารกสิกรไทย ณ วันที่ลูกค้าสมัครขอสินเชื่อ และใช้อัตราคงที่ตลอดอายุสัญญาการกู้ ซึ่งลูกค้าจะไม่มีความเสี่ยงจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต ช่วยให้ลูกค้าสามารถวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องพะวงกับภาระอัตราดอกเบี้ยที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต

สินเชื่อรถช่วยได้กสิกรไทย ยังมีเงื่อนไขที่ยืดหยุ่นและจูงใจลูกค้ามากที่สุด โดยเพิ่มระยะเวลาการผ่อนชำระจากเดิม 60 เดือน เป็นสูงสุด 72 เดือน ลูกค้าสามารถเลือกผ่อนชำระเงินต้นในแต่ละเดือนได้มากตามความต้องการ โดยไม่ต้องเสียค่าปรับเหมือนสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ทั่วไป ทำให้ดอกเบี้ยที่ต้องชำระลดลงตามจำนวนเงินต้นคงเหลือที่ลดลงเรื่อย ๆ และยังเพิ่มวงเงินสินเชื่อให้สูงสุดถึง 100% ของราคาประเมิน สำหรับรถโตโยต้า ฮอนด้า อีซูซุ และเบนซ์ จากเดิมอนุมัติวงเงินสูงสุดที่ 80% รวมทั้งเพิ่มอายุรถยนต์ที่จะนำมาเป็นหลักประกันจากเดิมอายุสูงสุด 10 ปี เป็นสูงสุดถึง 17 ปี ลูกค้าผู้สนใจสามาถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ K-Contact Center 0 2888 8888 หรือติดต่อสมัครใช้บริการสินเชื่อรถช่วยได้กสิกรไทยที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

นายอิสระ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันรถยนต์ที่จดทะเบียนแล้วและปลอดภาระหนี้มีจำนวนมากกว่า 4 ล้านคัน ในจำนวนนี้มีลูกค้าที่ต้องการใช้เงินสดประมาณ 240,000 คัน คิดเป็นวงเงินสินเชื่อประมาณ 72,000 ล้านบาทต่อปี จึงนับเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพที่บริษัทมีโอกาสจะเข้าไปทำตลาดได้อีกมาก และด้วยบริการสินเชื่อรถช่วยได้กสิกรไทย รูปแบบใหม่นี้ จะเป็นบริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด และคาดว่าตลาดจะตอบรับเป็นอย่างดี

ทั้งนี้ บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายธุรกิจในปี 2554 สำหรับสินเชื่อรถช่วยได้กสิกรไทย จากเดิมตั้งเป้าหมายไว้ที่ 3,000 ล้านบาท เป็น 6,600 ล้านบาท หรือคิดเป็นรถจำนวน 22,000 คัน และตั้งเป้าหมายที่จะเติบโตขึ้น 100% ในปี 2555 และปี 2556 คือ ในปี 2555 จะมียอดสินเชื่อเพิ่มเป็น 13,000 ล้านบาทหรือยอดรถจำนวน 43,000 คัน และในปี 2556 จะมียอดสินเชื่อ 26,000 ล้านบาท หรือจำนวนรถ 86,000 คัน ซึ่งจะทำให้บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 36% เป็นผู้นำอันดับ 1 ของสินเชื่อประเภทนี้ใน 2 ปีข้างหน้า

แหล่งที่มา http://www.kasikornbank.com/TH/WhatHot/Pages/KL_FixedRate.aspx

การที่ธนาคารกสิกรไทย และ บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด ได้เปิด สินเชื่อรถช่วยได้กสิกรไทยคิดอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก ส่งผลให้ในด้านการ ลูกค้าจะไม่มีความเสี่ยงจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต ช่วยให้ลูกค้าสามารถวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องพะวงกับภาระอัตราดอกเบี้ยที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต และยังมีเงื่อนไขต่างๆที่จูงใจให้ลูกค้าเลือกสินเชื่อสินเชื่อรถช่วยได้ ดอกเบี้ยคงที่ ผ่อนแบบลดต้นลดดอก

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

กสิกรไทย จับมือพันธมิตร ออกโปรโมชั่นบัตรเดบิตสุดคุ้ม



นายศีลวัต สันติวิสัฎฐ์ (ที่1 จากขวา) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ร่วมกับ นางณัฐศมน วงศ์กิตติพัฒน์ (ที่2 จากขวา) ผู้จัดการใหญ่การตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด นางชัญญ์ญาณ์ ธำรงวินิจฉัย(ที่3จากขวา) ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) และ นายนริศ นิรันดรางกูร (ที่4จากขวา) ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท แมคไทย จำกัด (แมคโดนัลด์) มอบสิทธิพิเศษให้แก่ผู้ถือบัตร K-My Debit Card, K-Max Debit Card และ GTH is me Debit Card 4 ต่อ ต่อแรก รับบัตรกำนัลห้างฯ 100 บาท เมื่อช้อปครบ 3,000 บาท ที่ เดอะมอลล์ เอ็มโพเรียม และสยามพารากอน ต่อที่ 2 ดูหนัง 88 บาท ทุกเรื่อง ทุกรอบ ที่โรงหนังในเครือเมเจอร์ฯ ทุกสาขา ต่อที่ 3 อิ่มอร่อยกับชุดอร่อยสุดคุ้ม เพียงชุดละ 88 บาทที่ร้านแมคโดนัลด์ทุกสาขา และต่อที่ 4 สะสมแต้ม แลกของกำนัล ที่เว็บไซต์ www.KBankcard.com ตั้งแต่วันนี้ - 31 ธ.ค. 54 นี้
แหล่งที่มา http://www.kasikornbank.com/TH/WhatHot/Pages/KDebitCard_Promotion.aspx

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

กสิกรไทยคลอดผลิตภัณฑ์เงินฝากจ่ายดอกสูงสุด7.50%


นายศีลวัต สันติวิสัฎฐ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารได้ออกบริการเงินฝากใหม่เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับลูกค้าผู้ฝากเงินที่ต้องการความมั่นคงและผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากประจำปกติ และเพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจ โดยบริการเงินฝากใหม่ 2 ประเภท ได้แก่ เงินฝากประจำพิเศษ 7 เดือน อัตราดอกเบี้ย 3.00-3.70% ต่อปีตามวงเงินฝาก โดยวงเงินฝากตั้งแต่ 10,000 บาท แต่ไม่ถึง 1 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 3.00% ต่อปี วงเงินฝากตั้งแต่ 1 ล้านบาท แต่ไม่ถึง 10 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 3.25% ต่อปี และวงเงินฝากตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ได้รับอัตราดอกเบี้ย 3.70% ต่อปี โดยธนาคารจะจ่ายดอกเบี้ยเมื่อครบกำหนดระยะเวลาการฝาก
เงินฝากดอกเบี้ยสูงพุ่งพรวด 13 เดือน ซึ่งให้อัตราดอกเบี้ยสูงแบบขั้นบันไดเริ่มต้นที่ 2.00% และสูงสุดที่ 7.50% ต่อปี โดย เดือนที่ 1-3 อัตราดอกเบี้ย 2.00% ต่อปี เดือนที่ 4-6 อัตราดอกเบี้ย 2.50% ต่อปี เดือนที่ 7-9 อัตราดอกเบี้ยน 3.25% ต่อปี เดือนที่ 10-11 อัตราดอกเบี้ย 5.75% ต่อปี และเดือนที่ 12-13 รับอัตราดอกเบี้ย 7.50% ต่อปี ทั้งนี้อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยตลอดระยะเวลาการฝากจะอยู่ที่ 3.827% ต่อปี และในกรณีที่ลูกค้าถอนก่อนครบกำหนดระยะเวลาการฝาก ธนาคารจะการันตีดอกเบี้ยขั้นต่ำ 2.00% ต่อปี ตามระยะเวลาที่ฝากไว้จริง
ลูกค้าผู้สนใจสามารถเปิดใช้บริการบัญชีเงินฝากประจำพิเศษ 7 เดือน และบัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูงพู่งพรวด 13 เดือน ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปถึง 29 กรกฎาคม 2554 รับฝากขั้นต่ำ 10,000 บาท ที่ธนาคารกสิกรไทยกว่า 800 สาขาทั่วประเทศ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ K-Contact Center 0 2888 888

แหล่งที่มา http://www.stockwave.in.th/hot-news/19235-750.html : 22 มิถุนายน 2554

ธนาคารกสิกรไทยได้ออกผลิตภัณฑ์เงินฝากใหม่ที่มีความมั่นนคงและผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากประจำปกติ โดยธนาคารเล็งเห็นว่าลูกค้าที่มาใช้บริการเงินฝากประจำในปัจจุบันต้องการที่จะมีดอกเบี้ยที่สูง ดังนั้นเพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้า ธนาคารจึงได้ออกผลิตภัณฑ์มา 2 ตัว คือ เงินฝากประจำพิเศษ 7 เดือน โดยมีอัตราดอกเบี้ย 3.00-3.70% ต่อปีกับเงินฝากดอกเบี้ยสูงพุ่งพรวด 13 เดือน มีอัตราดอกเบี้ย 2.00-7.50% ต่อปี

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

เครือธนาคารกสิกรไทย ผนึกกำลัง 3 บริการออนไลน์ ย้ำเบอร์ 1 โลกดิจิตอลแบงค์กิ้ง

นายอาจ วิเชียรเจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด พร้อมด้วยนายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการเงินทุนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด และนายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย จำกัด ร่วมเปิดตัว K-Cyber Service (บริการด้านการเงิน การลงทุนทางอินเทอร์เน็ตกสิกรไทย) เป็นการรวม 3 บริการออนไลน์ของเครือธนาคารกสิกรไทย ได้แก่ K-Cyber Banking (บริการธนาคารทางอินเทอร์เน็ตกสิกรไทย) K-Cyber Trade (บริการซื้อขายหุ้นและอนุพันธ์ผ่านทางอินเทอร์เน็ตกสิกรไทย) และ K-Cyber Invest (บริการลงทุนในกองทุนรวมทางอินเทอร์เน็ตกสิกรไทย) เข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ลูกค้าเพียงใช้ User ID และ Password ชุดเดียวกันในการล็อคอินด้วยระบบ Single-Sign-On หรือ SSO ก็สามารถเข้าสู่บริการออนไลน์ทั้ง 3 บริการได้ทันที เริ่มให้บริการลำหรับลูกค้ากลุ่มแรกตั้งแต่นี้เป็นต้นไป

แหล่งที่มา  http://www.ryt9.com/s/prg/1162051

ธนาคารกสิกรไทย ได้เปิดตัว 3 บริการออนไลน์ K-Cyber Service เป็นการบริการทางด้านการเงิน การลงทุนทางอินเทอร์เน็ตกสิกรไทย จะเห็นได้ว่าธนาคารกสิกรไทยมีการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆมาผสมผสานเข้าด้วยกันเพื่อเพิ่มความสะดวกและรวดเร็วให้แก่ลูกค้าที่ต้องการใช้บริการ และเพื่อให้ลูกค้าที่มาใช้บริการมีความพอใจและเกิดความประทับใจกับบริการ K-Cyber Service นั่นเอง


  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

Genius Planet ร่วมกับ K-Bank ออกบูธงาน K-SME Franchise Day ตอกย้ำความเป็นแฟรนไชส์คุณภาพด้านการศึกษา


แฟรนไชส์สถาบันเสริมทักษะภาษาอังกฤษจีเนียส แพลนเน็ต (Genius Planet) ซึ่งบริหารงานโดยบริษัท อินฟอร์เมติกซ์ พลัส จำกัด ร่วมกับ ธนาคารกสิกรไทย ออกบู๊ธในงาน K-SME Franchise Day ให้ข้อมูลการลงทุนเพื่อผู้เริ่มต้นธุรกิจแฟรนไชส์ที่เซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์
แฟรนไชส์สถาบันเสริมทักษะภาษาอังกฤษจีเนียส แพลนเน็ต (Genius Planet) ริเริ่มขึ้นภายใต้แนวคิด ความรู้คู่ความสนุกเรียนผ่านเครื่อง “Genius Planet Tablet” คอมพิวเตอร์พกพา สื่อการเรียนการสอนเฉพาะของสถาบัน ได้รับรางวัลการันตีคุณภาพธุรกิจแฟรนไชส์ TFBO New Franchise Biz Award จากโครงการ TFBO Franchise Awards 2010 ตอกย้ำความเป็นแฟรนไชส์คุณภาพด้านการศึกษาที่มีรูปแบบธุรกิจที่ดีและมีแนวโน้มในการเติบโตสูง จับมือธนาคารกสิกรไทยออกบูธในงาน K-SME Franchise Day ให้ข้อมูลการลงทุนเพื่อผู้เริ่มต้นธุรกิจแฟรนไชส์ โดยมี นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ธนาคารกสิกรไทย เป็นประธานในพิธีกล่าวเปิดงาน และนางสาวศศิวิมล เกิดผล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินฟอร์เมติกซ์ พลัส จำกัด เข้าร่วมงาน ในวันที่ 23 มิถุนายน 2554 Convention Hall ชั้น 22 โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์

แหล่งที่มา   http://www.ryt9.com/s/prg/1176583

บริษัท อินฟอร์เมติกซ์ จำกัด ได้จับมือกับ ธนาคารกสิกรไทย ออกบูธในงาน K-SME Franchise Day ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนในธุรกิจด้านการศึกษากับผู้ที่สนใจเริ่มต้นธุรกิจแฟรนไชส์ แสดงให้เห็นว่า บริษัท อินฟอร์เมติกซ์ จำกัด และ ธนาคารกสิกรไทย ได้ให้ความสำคัญและใส่ใจในด้านการลงทุนในธุรกิจกับผู้ที่เริ่มต้นทำธุรกิจแฟรนไชน์ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการเลือกแฟรนไชน์ การวางแผนทางการเงินให้ธุรกิจนั้นดำเนินไปได้ด้วยดี และมีผลตอบแทนที่คุ้มค่า


  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

ลิสซิ่งกสิกรไทยปรับยุทธศาสตร์ ตั้งเป้าสินเชื่อจำนำทะเบียนรถในปี 2556 คอรงมาร์เก็ตแชร์ 36% ยอดสินเชื่อ2.6หมื่นล้านบาท


นายอิสระ วงศ์รุ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลิสซิ่งกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจใหม่ โดยหันมาเน้นการให้บริการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ภายใต้ "สินเชื่อรถช่วยได้กสิกรไทย" เพราะปัจจุบันรถยนต์ที่จดทะเบียนแล้ว และปลอดภาระหนี้มีกว่า 4 ล้านคันต้อปี ในจำนวนนี้มีลูกค้าที่ต้องการใช้เงินสด 240,000 คัน หรือกว่า 5% มียอดวงเงินสินเชื่อ 72,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งมองว่าเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพที่มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก
ลิสซิ่งกสิกรไทย จึงปรับแผนการดำเนินธุรกิจใหม่ สำหรับสินเชื่อรถช่วยได้กสิกรไทย จากเดิมที่ตั้งเป้าปีนี้มียอดสินเชื่อ 3,000 ล้านบาท เป็น 6,600 ล้านบาท หรือจำนวน 22,000 คัน และในปีหน้าตั้งเป้าเติบโต 100% เป็น 13,000 ล้านบาท จำนวน 43,000 คัน และในปี2556 เพิ่มเป็น 26,000 ล้านบาท จำนวน 86,000 คัน และขึ้นเป็นผู้นำอันดับ1 ครองส่วนแบ่งทางการตลาด 36%
นายอิสระ กล่าว ขณะนี้ธนาคารขนาดใหญ่หันมาให้ความสำคัญกับสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ เพราะการขยายสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ทำให้สินทรัพย์ของธนาคารเติบโตได้เร็ว จึงเป็นที่มาของการรุกตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ของธนาคารขนาดใหญ่ ซึ่งยอมรับว่าคู่แข่งเบอร์1 และ เบอร์ 2 มีสาขาไม่มากเท่ากับธนาคารกสิกรไทย ส่วนการแข่งขันยอมรับว่าจากนี้จะรุนแรงแน่ และสงครามดอกเบี้ยก็จะเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่จะต้องเจอ จึงเป็นที่มาของการออกแคมเปญดังกล่าว เพราะทุกแห่งมีศักยภาพเหมือนๆ กัน
ส่วนเป้าปีนี้ คาดยอดสินเชื่อรถยนต์ใหม่จะอยู่ที่ 41,000 ล้านบา สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ 6,600 ล้านบาท ส่งผลให้ยอดสินเชื่อรวมน่าจะอยู่ที่ 48,000 ล้านบาท แต่คาดจะทำได้ 50,000 ล้านบาท ส่วนภาวะเศรษฐกิจขณะนี้อยู่ในช่วงขาขึ้น สังเกตได้จากกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายไปอยู่ที่ 3% แล้วเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อไม่ให้สูงไปกว่านี้ ขณะที่ราคาพืชผลทางการเกษตร ก็ปรับตัวดีขึ้น และคาดทั้งปีธปท.จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายไปอยู่ที่ 3.25%

แหล่งที่มาhttp://www.bangkokbiznews.com/home/detail/finance/finance/20110613/395240/ลิสซิ่งกสิกรมั่นใจปี56ยึดส่วนแบ่งจำนำรถ36.html : 13 มิถุนายน 2554

นายอิสระ วงศ์รุ่ง เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจใหม่ โดยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ภายใต้ "สินเชื่อรถช่วยได้กสิกรไทย" โดยบริษัทมีการตั้งเป้ายอดสินเชื่อปีนี้จากเดิม 3,000ล้านบาท เป็น 6,600 ล้านบาท และในปีหน้าตั้งเป้าเติบโต 100% เป็น 13,000 ล้านบาทและในปี2556 เพิ่มเป็น 26,000 ล้านบาท
จะเห็นว่ากลุ่มธุรกิจนี้เริ่มมีความสำคัญมากขึ้น เพราะทำให้สินทรัพย์ของธนาคารเติบโตได้เร็ว ซึ่งจะทำให้การแข่งขันรุนแรงขึ้น บริษัทกสิกรไทยจึงได้ออกแคมเปญดังกล่าว เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าต่างๆเข้ามาใช้บริการเพื่อขึ้นครองเป็นอันดับหนึ่งในส่วนแบ่งทางการตลาด

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

โครงการประกวด K SME สานฝันธุรกิจไทย 2554


โครงการประกวด K SME สานฝันธุรกิจไทย 2554

สร้างแผนธุรกิจเชิงสร้างสรรค์ดีเด่นระดับชาติเพื่อชิงเงินรางวัลรวมกว่าครึ่งล้านบาท พร้อมถ้วยรางวัลเกียรติยศ

» วัตถุประสงค์

เพื่อรณรงค์ให้ผู้ประกอบการเริ่มต้นธุรกิจ ได้แสดงขีดความสามารถทางธุรกิจในเชิงสร้างสรรค์ โดยมีแบบแผนที่ถูกต้อง สามารถประเมินศักยภาพของตนเอง สร้างโอกาส บริหารทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด เพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดและเติบโตต่อไปได้ ภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

» คุณสมบัติของผู้เข้าร่วมโครงการ

1.บุคคลที่สนใจเริ่มต้นธุรกิจ ที่มีระดับการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีปีสุดท้าย หรือเทียบเท่า
2.ผู้ประกอบการที่มีอายุกิจการไม่เกิน 3 ปี
* ทั้งนี้ผู้เข้าร่วมการแข่งขัน สามารถส่งแผนธุรกิจเข้าประกวดได้เพียง 1 แผนงานต่อรายเท่านั้น

» การสมัครเข้าร่วมโครงการ

ผู้เข้าแข่งขันจะต้องลงทะเบียนและสมัครเข้าร่วมโครงการผ่าน www.ksmestartup.com เท่านั้น และจะต้องผ่านการทดสอบ เพื่อวัดทักษะพื้นฐานทางธุรกิจ (ปรนัย 15 ข้อ รวม 60 คะแนน) และแบบทดสอบวัดทัศนคติและแนวคิดธุรกิจเชิงสร้างสรรค์ (อัตนัย 2 ข้อ รวม 40 คะแนน) ทั้งนี้ผู้ที่ผ่านการทดสอบจะต้องได้คะแนนการทดสอบแบบปรนัยไม่น้อยกว่า 30 คะแนน โดยจะ เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. – 18 ก.ค. 2554

» ขั้นตอนการประกวด

1.รอบที่ 1
คณะกรรมการจะคัดเลือกผู้เข้าแข่งขันที่ผ่านการทดสอบจำนวน 1,000 ราย โดยจะ ประกาศรายชื่อใน วันที่ 22 ก.ค. 54 ทาง www.ksmestartup.com และทาง SMS เพื่อรับสิทธิ์เข้าร่วมการอบรมสัมมนาการเขียนแผนธุรกิจ ในวันเสาร์ที่ 30 ก.ค. 2554 โดยคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ หลังจากจบการอบรมผู้เข้าแข่งขันทั้ง 1,000 รายจะต้องเขียนแผนธุรกิจฉบับเต็ม ความยาวไม่เกิน 5 หน้ากระดาษ A4 และส่งให้คณะกรรมการจัดการประกวดภายในวันที่ 9 ก.ย. 2554 คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจะพิจารณาคัดเลือกแผนธุรกิจ 88 แผนงานเพื่อผ่านเข้าสู่รอบสองต่อไป และจะประกาศผลในวันที่ 10 ต.ค. 54

2.รอบที่ 2
ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 88 รายจะต้องเข้าร่วมการอบรมเชิงปฏิบัติการ เพื่อลงรายละเอียดของแผนธุรกิจ รวบรวมปัญหาและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในการดำเนินธุรกิจ พร้อมหนทางแก้ไข ความถูกต้องและชัดเจนของแผนธุรกิจ โดยจะมีคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ คอยให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด ในวันที่ 29-30 ต.ค. 54 จากนั้นจะต้องใช้ทักษะและเทคนิคที่ได้รับจากการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการแก้ไขและนำเสนอแผนธุรกิจของตนเองเพื่อผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ โดยกำหนดส่งแผนธุรกิจภายใน 30 พ.ย. 54

3.รอบที่ 3
คณะกรรมการคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมเพียง 8 ทีม และทำการแจกรางวัลพร้อมประกาศนียบัตรในวันที่ 15 ธ.ค. 54 โดยผู้ชนะเลิศจะได้รับเงินรางวัลจำนวน 200,000 บาท พร้อมทั้งถ้วยรางวัลเกียรติยศ และในลำดับที่ 2-8 จะได้รับเงินรางวัลๆ ละ 50,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร

» หลักเกณฑ์การตัดสิน

รอบที่หนึ่ง-รอบชิงชนะเลิศ

1. นวัตกรรมและความคิดเชิงสร้างสรรค์

■เป็นสินค้าหรือบริการที่ไม่เคยมีมาก่อน
■ใช้ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์

2. ศักยภาพและความเป็นไปได้เชิงพาณิชย์

■โอกาสความเป็นไปได้และความน่าสนใจในการลงทุน
■โอกาสในการเติบโตทางธุรกิจ
■ความต้องการของสินค้าหรือบริการของตลาด
■ความยากง่ายในการลอกเลียนแบบสินค้าหรือบริการจากคู่แข่ง
■กลยุทธ์ทางธุรกิจ
■ความเสี่ยงทางธุรกิจ
■ความสมจริงของการประมาณการด้านการตลาดและการเงิน

3. แนวคิดตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

■การดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม

» คณะกรรมการ

คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ประกอบด้วย ผู้บริหารธนาคารกสิกรไทย คณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ และ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านจากวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล

» การฝึกอบรม

1. การฝึกอบรมการเขียนแผนธุรกิจ
ผู้เข้าร่วมโครงการจำนวน 1,000 รายจะได้รับสิทธิ์เข้าร่วมการฝึกอบรมการเขียนแผนธุรกิจในวันที่ 30 ก.ค.2554 เพื่อเป็นการเพิ่มพูนความรู้และทักษะในการเขียนแผนธุรกิจ

2. การอบรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop)

ผู้ที่ผ่านเข้ารอบสองจำนวน 88 ราย จะได้รับการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ การนำเสนอแผนธุรกิจ ในระหว่างวันที่ 29 - 30 ต.ค.2554
รางวัล*

ประเภทรางวัล
รางวัล
รางวัลชนะเลิศ ถ้วยรางวัลเกียรติยศ
เงินสดมูลค่า 200,000 บาท
รางวัลชมเชย (7 รางวัล) เกียรติบัตร
เงินสดมูลค่า 50,000 บาทต่อราย

*รางวัลดังกล่าว ไม่สามารถแลก เปลี่ยน หรือโอนสิทธิ์ให้ผู้อื่นได้

กำหนดการจัดงาน

วันที่
กำหนดการ
7 มิ.ย.- 18 ก.ค. 2554 ลงทะเบียนสมัครผ่านทางเว็บไซต์
22 ก.ค. 2554 ประกาศผลผู้เข้ารอบ 1,000 ราย
30 ก.ค. 2554 ฝึกอบรมการเขียนแผนธุรกิจ
9 ก.ย. 2554 ส่งแผนธุรกิจฉบับเต็มรอบที่หนึ่ง
10 ต.ค. 2554 ประกาศผล 88 แผนงานที่ผ่านเข้ารอบสอง
29 – 30 ต.ค. 2554 ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop)
30 พ.ย. 2554 ผู้เข้ารอบสอง ส่งแผนธุรกิจ
15 ธ.ค. 2554 ประกาศผล 8 แผนงานที่เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ และมอบรางวัล


ข้อตกลงในการสมัครเข้าร่วมโครงการ

1. อ่านและทำความเข้าใจข้อตกลงในการสมัครเข้าร่วมโครงการซึ่งต้องผ่านทาง www.ksmestartup.com โดยคุณต้องยอมรับข้อตกลงในการสมัครเข้าร่วมโครงการเป็นอันดับแรก
2. กรุณากรอกรายละเอียดต่างๆ ให้ครบถ้วนตามความเป็นจริง เพื่อผลประโยชน์ของตัวท่านและเพื่อความสะดวกในการติดต่อจากทางธนาคาร ถ้าหากตรวจพบในภายหลังว่า ข้อมูลที่ให้ไว้ไม่เป็นความจริง ทางธนาคารขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกการเข้าร่วมโครงการของท่าน โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
3. ธนาคารสงวนสิทธิ์ในการนำเสนอข้อมูลให้กับผู้เข้าร่วมโครงการ ตามที่ธนาคารเห็นสมควร
4. ผู้สมัครเข้าร่วมโครงการจะต้องทำแบบทดสอบคัดเลือก โดยแบ่งประเภทการทดสอบรวม 2 ส่วน ประกอบด้วย
4.1) ข้อสอบวัดผลแบบปรนัย 4 ตัวเลือก เพื่อวัดทักษะพื้นฐานทางธุรกิจที่ควรมี จำนวน 15 ข้อ รวม 60 คะแนน
4.2) ข้อสอบวัดผลแบบอัตนัย เพื่อวัดทัศนคติและแนวคิดธุรกิจเชิงสร้างสรรค์ จำนวน 2 ข้อ รวม 40 คะแนน
โดยผู้ผ่านการทดสอบ จะต้องได้คะแนนการทดสอบแบบปรนัยไม่น้อยกว่า 30 คะแนน
5. การกำหนดรูปแบบ วิธีการตัดสิน ถือเป็นสิทธิ์ขาดของทางธนาคารและคำตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด

แหล่งที่มา http://www.kasikornbank.com/TH/WhatHot/Pages/KsmeSanfan.aspx

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS